ใกล้เปิดตัวเข้ามาทุกทีกับ Compact SUV น้องใหม่ที่จะมาแทน MG GS ซึ่งไม่สามารถโต้ยอดขายอันร้อนแรงของเจ้าตลาดอย่าง Honda CR-V ได้ และในนามของ MG HS จะสามารถทำได้จริงๆ ?

ต้องมาเทียบขนาดตัวถังกันก่อนว่าใครใหญ่ ในกลุ่มนี้ต้องยกให้ Nissan X-Trail ที่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่าชาวบ้านในทุกมิติ ยกเว้นความกว้างที่เป็นรอง MG HS

MG HS

• ยาว × กว้าง × สูง : 4,574 × 1,876 × 1,664 มม.
• ระยะฐานล้อ : 2,720 มม.

Honda CR-V

• ยาว × กว้าง × สูง : 4,571 × 1,855 × 1,667 มม.
• ระยะฐานล้อ : 2,662 มม.

Subaru Forester

• ยาว × กว้าง × สูง : 4,625 × 1,815 × 1,730 มม.
• ระยะฐานล้อ : 2,670 มม.

Mazda CX-5

• ยาว × กว้าง × สูง : 4,550 × 1,840 × 1,680 มม.
• ระยะฐานล้อ : 2,700 มม.

Nissan X-Trail

• ยาว × กว้าง × สูง : 4,690 × 1,830 × 1,740 มม.
• ระยะฐานล้อ : 2,705 มม.

หากย้อนดูยอดขาย Compact SUV ในเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมาจะพบว่ายอดขาย Honda CR-V ยังคงครองตลาดนี้ตลอดกาล แม้ว่า Subaru Forster จะเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เช้นจ์ล่าสุด แต่คงเป็นเพียงอันดับสอง ที่มองยอดขายห่างกับฮอนด้าหลายเท่าตัว

แต่ถ้าหากมองดูราคาในกลุ่มนี้ MG GS คือรุ่นที่ถูกที่สุด แต่ได้รับความนิยมน้อยสุด แต่ต้องมาเจอศึกใหญ่กับ Chevrolet Captiva ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 9 กันยายนที่ผ่านมา แถมเปิดตัวในราคา 999,000 บาท ทำให้เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย

ด้วยยอดขายล่าสุดพอยืนยันได้ว่ารถยนต์กลุ่มนี้ ไม่เน้นราคาที่ถูก แต่เน้นการใช้งานที่คุ้มค่าโดยเฉพาะความเป็นอเนกประสงค์ การออกแบบ ออฟชั่น และความคุ้มค่าอื่นๆอีกมากมายที่จะต้องดูในอีกระยะยาว ความน่าเชื่อใจของแบรนด์ ก็สำคัญไม่น้อย

สำหรับ MG HS มีข่าวออกมาว่าราคาระหว่าง 890,000 – 1,310,000 บาท (คาดเดา) ถ้าหากมาแบบนี้ต้องยกให้เป็น Compact SUV ราคาถูกที่สุดในกลุ่มเหมือน MG GS ที่เคยเปิดตัวมา แต่การแก้ตัวในครั้งนี้ มีอะไรที่พิเศษกว่ารุ่นก่อนอย่างมาก

ออฟชั่นโดยคราวๆได้แก่

• การออกแบบภายใต้แนวคิด Emotional Dynamism เส้นสายได้แรงบันดาลใจจาก London Eye ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายนอกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน Daytime Running Light ดีไซน์รับกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟท้ายแบบ LED ให้ความเรียบหรูในแบบฉบับรถยนต์ยุโรป หลังคาแบบซันรูฟ Panoramic

• คอนโซลหน้าหุ้มด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งสปอร์ตหุ้มหนัง แผงข้างประตูหุ้มวัสดุหนังแบบสัมผัส Soft Leather พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ลำโพงคุณภาพจาก BOSE Sound System ไฟภายในห้องโดยสารสามารถปรับได้ 64 สี

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร

• เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร NetBlue ทำจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบา มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 169 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด และ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot

• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันตามคันหน้าอัตโนมัติ (ACC)
• ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
• ระบบป้องกันการชนด้านหน้า (AEB)
• ระบบเตือนรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (LDW)
• กล้องมองภาพ 360 องศา

ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่

• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลม
• ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP
• ระบบเบรก ABS/EBD
• ระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบไดนามิค XDS
• ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ARP
• ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS
• กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
• ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน

การเปลี่ยนตัวผู้เล่นครั้งนี้ MG HS จะก้าวมาเป็นผู้นำ Compact SUV ได้หรือไม่นั้น ยากจะคาดเดาจริงๆ แต่ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบ ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร รวมถึงออฟชั่นจัดเต็มขนาดนี้ ยอดขายอาจจะใกล้เคียงกับ MG ZS ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

สำหรับกลุ่มผู้ใช้งาน MG ประเทศไทย คงอยากจะลุ้นราคาแน่นอน เพราะหาก MG HS เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้น 890,000 บาทจริง งานนี้คงมีลุ้นยอดขายที่ดี แม้ว่าจะเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Honda CR-V ที่เปิดตัวมาแล้ว 5 เจเนอเรชั่น ตั้งแต่ปี 2539 – ปัจจุบัน

แถมต้องมารับความสดใหม่ของ Chevrolet Captiva อีกซึ่งเป็นอีกค่ายที่มีรถดี แต่ยอดขายไม่ปัง และมีข่าว Mazda CX-5 เปิดตัวใหม่ในไทยคาดว่าน่าจะปลายปีไม่ก็ต้นปีหน้า รวมถึงข่าวการเปิดตัว CR-V ไฮบริดใน SUV ที่คาดว่าจะมาไทยเช่นกัน

ศึกนี้ใหญ่หลวงอีกครั้ง MG HS ต้องขายถูก และแน่นอน รถต้องดีอยู่แล้ว เพราะตลาดนี้แข็งจริง หากมองจากยอดขายที่เคยผ่านมา ยังไงโปรดติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ MG HS หวังว่าราคาจะถูกใจผู้บริโภค และแอดมินขอเป็นกำลังใจให้